🎯 สรุปเฉพาะ “ออกสอบ 100%” + อธิบายละเอียด
อ้างอิงจากคำอาจารย์ในไฟล์:
⭐ “จำแค่ negative feedback… growth hormone… ปัจจัยที่มีผลต่อความดัน… อุณหภูมิร่างกาย… ภาวะไข้”
---
⭐ 1) Homeostasis คืออะไร? (ออกสอบแน่)
homeostasis = ภาวะที่ร่างกาย รักษาสภาวะภายในให้คงที่ แม้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป
เช่น – อุณหภูมิ, น้ำในร่างกาย, การไหลเวียนเลือด, pH ฯลฯ
ระบบต่าง ๆ ทำงานร่วมกันเพื่อให้ค่าต่าง ๆ อยู่ในช่วงปกติ เช่น
อุณหภูมิ 36.5–37.5°C
ปริมาณน้ำ in = out
ความดันเลือดถูกควบคุมโดยหลายระบบร่วมกัน
หลักการสำคัญของ homeostasis = ควบคุมผ่าน feedback
⭐ 2) Negative Feedback (ออกชัวร์ 100%)
เป็นกลไกควบคุมหลักของร่างกาย
สิ่งที่เปลี่ยน → ถูกตรวจจับ → ร่างกายแก้กลับไปจุดเดิม
ตัวอย่างที่อาจารย์ย้ำ:
✔ ตัวอย่าง 1: ความดันโลหิต (BP control)
ข้อมูลจากไฟล์: ความดันถูกควบคุมโดยหลายปัจจัย เช่น heart rate, blood volume, total peripheral resistance
กลไกสำคัญ:
1. ความดัน ↑
→ baroreceptor รับรู้
→ ส่งสัญญาณไปสมอง → หลอดเลือดขยาย / ชีพจรลด
→ ความดันกลับสู่ปกติ
2. ความดัน ↓
→ baroreceptor แจ้ง
→ เพิ่ม HR + vasoconstriction
→ ความดันกลับสู่เดิม
✔ ตัวอย่าง 2: ควบคุมระดับน้ำ
อาจารย์ย้ำว่า
น้ำเข้า = น้ำออก เป็นภาวะ homeostasis ปกติ
⭐ 3) Positive Feedback (ออก)
เป็นกลไกที่ “กระตุ้นซ้ำ ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ” ตรงข้ามกับ negative
ตัวอย่างที่รู้ไว้:
การคลอด – การบีบตัวของมดลูกทำให้หลั่งฮอร์โมนเพิ่มขึ้น
การแข็งตัวของเลือด
อาจารย์เน้นว่าให้อ่าน negative และ positive feedback ในระบบต่อมไร้ท่อ
⭐ 4) Hormone System: Growth Hormone (GH) (อาจารย์บอกให้จำ)
ข้อความจากอาจารย์:
“จำแค่ growth hormone… ไม่ต้องจำ releasing hormone ทุกตัว”
✔ หน้าที่สำคัญของ GH
กระตุ้นการเจริญเติบโต
เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด (hyperglycemia)
→ อาจทำให้เสี่ยงเบาหวานได้หากใช้ GH มากเกิน (ตามไฟล์)
✔ เหตุผลที่ต้องออกสอบ
เพราะ GH เป็นตัวอย่างของ negative + positive feedback ในระบบต่อมไร้ท่อ
⭐ 5) การควบคุมความดันโลหิต (Blood Pressure Regulation)
อาจารย์บอกชัดว่า ออกสอบ:
“จำปัจจัยที่มีผลต่อความดันโลหิต”
✔ ปัจจัยหลักมี 3 ตัว
1) Cardiac Output (CO)
= ปริมาณเลือดที่หัวใจสูบต่อนาที
ประกอบด้วย
CO = HR × SV
2) Total Peripheral Resistance (TPR)
= ความต้านทานของหลอดเลือด
หลอดเลือดตีบ → TPR ↑ → BP ↑
3) Blood Volume (ปริมาณเลือด)
เลือดมาก → ความดันสูง
เลือดน้อย → ความดันต่ำ
ทั้งหมดรวมกันเป็นสมการ MAP (Mean Arterial Pressure):
MAP = CO × TPR (ตามที่อาจารย์พูด)
⭐ 6) ตัวรับที่เกี่ยวข้องกับการควบคุม BP (ออก)
อาจารย์พูดถึง 3 ตัวนี้:
1. Baroreceptor – ตรวจจับความดันเลือด
2. Chemoreceptor – ตรวจจับ pH / CO₂ / O₂
3. Volume receptor – อยู่ที่ไต ตรวจจับปริมาณเลือด
⭐ 7) การควบคุมอุณหภูมิร่างกาย (Thermoregulation)
อาจารย์บอกว่า หัวข้อสำคัญ:
ข้อความจากไฟล์:
“ควบคุมอุณหภูมิร่างกาย… ไปทบทวนภาวะไข้… heat exhaustion, heat stroke”
✔ อุณหภูมิร่างกายปกติ
36.5–37.5 °C
✔ กลไกควบคุมอุณหภูมิ
เมื่อร้อนเกิน:
เหงื่อออก
หลอดเลือดขยาย → heat loss ↑
เมื่อหนาว:
ตัวสั่น
หลอดเลือดหด → heat loss ↓
⭐ 8) ภาวะไข้ (Fever)
อาจารย์สั่งให้ทบทวน (ออกสอบ)
หลักการ:
เกิดจาก “set point” ใน hypothalamus สูงขึ้น
ร่างกายพยายามเพิ่มอุณหภูมิให้ถึง set point
เกิดอาการ “หนาวสั่น” แม้ตัวร้อน
→ จนกว่า set point จะกลับสู่ปกติ
⭐ 9) ภาวะ Heat Exhaustion และ Heat Stroke (ออกเพราะอาจารย์พูดถึง)
ต่างกันอย่างไร:
Heat Exhaustion
จากการสูญเสียน้ำมาก
ยังมีเหงื่อ
ตัวไม่ร้อนจัดมาก
Heat Stroke
อันตรายมาก
เหงื่อไม่ออก
อุณหภูมิสูง > 40°C
ระบบประสาทผิดปกติ เช่น สับสน หมดสติ
ไฟล์พูดถึงการทำให้เย็น เช่น
ใช้สเปรย์ฉีดตัวเพื่อลดอุณหภูมิ
⭐ 10) Body Fluid Compartment
อาจารย์สอนไว้ช่วงต้น (ออกสอบพื้นฐาน)
ประกอบด้วย:
1) Intracellular Fluid (ICF)
= น้ำในเซลล์
2) Extracellular Fluid (ECF)
แบ่งเป็น
Interstitial fluid (นอกเซลล์)
Plasma (ในหลอดเลือด)
เหตุผลที่ต้องรู้ → เพราะเกี่ยวกับสมดุลน้ำ & ความดันโลหิต
🎯 สรุป “หัวข้อออกสอบ 100% เต็มตามคำอาจารย์”
หัวข้อ ความสำคัญ
Homeostasis คืออะไร ⭐⭐⭐⭐⭐
Negative feedback ⭐⭐⭐⭐⭐
Positive feedback ⭐⭐⭐
Growth hormone ⭐⭐⭐⭐⭐
ปัจจัยที่กำหนดความดันโลหิต (CO, TPR, blood volume) ⭐⭐⭐⭐⭐
Receptors: baroreceptor, chemoreceptor, volume receptor ⭐⭐⭐⭐⭐
Body fluid compartment ⭐⭐⭐⭐
การควบคุมอุณหภูมิ + ภาวะไข้ ⭐⭐⭐⭐⭐
Heat exhaustion / Heat stroke ⭐⭐⭐⭐
Na⁺, K⁺ ความต่าง ICF/ECF (พื้นฐาน) ⭐⭐⭐
ถ้าต้องการ ฉันสามารถทำ
✅ Mindmap
✅ Flashcard 100 ข้อ
✅ แบบ PDF อ่านสอบอย่างเดียว
ให้เลย!
Zuletzt geändertvor 15 Tagen